เที่ยวสนุกมุกดาหาร 2 วัน 1 คืน
เส้นทางท่องเที่ยว 7 สถานที่
  • แก่งกระเบา
    แก่งกะเบา เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่สวยงามมาก และสถานที่ที่มีประวัติความเป็นมาที่ยาวนานมากแก่งกะเบาตั้งอยู่ใน เขตบ้านนาแก น้อย ต.ป่งขาม อ.หว้านใหญ่ จ.มุกดาหาร ห่างจากตัวจังหวัดมุกดาหาร 35 กม มีอาณาเขตติดต่อ กับ อ.ธาตุพนม จ.นครพนม ห่าง จากอ.ธาตุพนมเป็นระยะทาง 24 กม. และอยู่ตรงข้าม คือ บ้านแก่งกะเบา เมืองไชยบุรี สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว ซึ่งมีลำน้ำโขงเป็นเส้นกั้นกลาง ในฤดูแล้งน้ำลดจนเห็นเกาะแก่งกลางน้ำและหาด ทรายสวยกว่าฤดูอื่นๆ อาหารมีชื่อของแก่งกะเบา คือหมูหัน ซึ่งจะมีนักท่องเที่ยวมาพักผ่อนหย่อนใจ มากมายทั้งมา ทำกิจกรรมภายในครอบครัวหรือแม้กระทั่งมาเล่นน้ำก็ตาม ในตัวแก่งกะเบานั้นตรงที่ที่สายน้ำไหลอยู่ตลอดเวลาจะ ไม่มี ตระไคร่น้ำติดเพราะว่าน้ำพัดอยู่ตลอดเวลาแต่ตรงที่ น้ำไหลไม่แรงหรือไม่ไหลเลยนั้น ควรจะระมัดระวังเพราะอาจจะเกิด อุบัติเหตุได้ภายในแก่งกะเบานั้นก็จะมีสิ่งอำนวยความสะดวกมากมายไม่ว่าจะเป็นที่พัก ร้านอาหาร บริเวณแก่งก็จะมี ห่วงยางให้เช่า สำหรับผู้ที่ต้องการลงเล่นน้ำ ก็มีบริการเสมอ แต่ในช่วงกลางวันนั้นอาจจะอากาศร้อนนิดหน่อยเพราะว่าในแก่งนั้นจะไม่มีต้นไม้ใหญ่ ให้ร่มเงาควรเอาร่มหรือ...
    แก่งกระเบา
    แก่งกะเบา เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่สวยงามมาก และสถานที่ที่มีประวัติความเป็นมาที่ยาวนานมากแก่งกะเบาตั้งอยู่ใน เขตบ้านนาแก น้อย ต.ป่งขาม อ.หว้านใหญ่ จ.มุกดาหาร ห่างจากตัวจังหวัดมุกดาหาร 35 กม มีอาณาเขตติดต่อ กับ อ.ธาตุพนม จ.นครพนม ห่าง จากอ.ธาตุพนมเป็นระยะทาง 24 กม. และอยู่ตรงข้าม คือ บ้านแก่งกะเบา เมืองไชยบุรี สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว ซึ่งมีลำน้ำโขงเป็นเส้นกั้นกลาง ในฤดูแล้งน้ำลดจนเห็นเกาะแก่งกลางน้ำและหาด ทรายสวยกว่าฤดูอื่นๆ อาหารมีชื่อของแก่งกะเบา คือหมูหัน ซึ่งจะมีนักท่องเที่ยวมาพักผ่อนหย่อนใจ มากมายทั้งมา ทำกิจกรรมภายในครอบครัวหรือแม้กระทั่งมาเล่นน้ำก็ตาม ในตัวแก่งกะเบานั้นตรงที่ที่สายน้ำไหลอยู่ตลอดเวลาจะ ไม่มี ตระไคร่น้ำติดเพราะว่าน้ำพัดอยู่ตลอดเวลาแต่ตรงที่ น้ำไหลไม่แรงหรือไม่ไหลเลยนั้น ควรจะระมัดระวังเพราะอาจจะเกิด อุบัติเหตุได้ภายในแก่งกะเบานั้นก็จะมีสิ่งอำนวยความสะดวกมากมายไม่ว่าจะเป็นที่พัก ร้านอาหาร บริเวณแก่งก็จะมี ห่วงยางให้เช่า สำหรับผู้ที่ต้องการลงเล่นน้ำ ก็มีบริการเสมอ แต่ในช่วงกลางวันนั้นอาจจะอากาศร้อนนิดหน่อยเพราะว่าในแก่งนั้นจะไม่มีต้นไม้ใหญ่ ให้ร่มเงาควรเอาร่มหรือ...
  • อุทยานแห่งชาติภูผาเทิบ
    เป็นอุทยานแห่งชาติลำดับที่ 59 ของประเทศไทย มีเนื้อที่ 48.4 ตารางกิโลเมตร หรือ 30,245.67 ไร่ ครอบคลุมพื้นที่อำเภอเมืองมุกดาหารและอำเภอดอนตาล ลักษณะภูมิประเทศเป็นภูเขาหินทรายประกอบด้วยเทือกเขาน้อยใหญ่หลายลูกติดต่อกันแบบลูกคลื่นและเป็นส่วนปลายสุดของเทือกเขาภูพาน เทือกเขาเหล่านี้วางตัวในลักษณะแนวเหนือ-ใต้ขนานและห่างจากชายฝั่งแม่น้ำโขงประมาณ 4 กิโลเมตร ภายในอุทยานภูผาเทิบประกอบด้วยภูหมากยาง ภูมโน ภูโปร่ง ภูรัง ภูจอมนาง ภูหมากมี่ ภูผาเทิบ ภูนางหงส์ ภูถ้ำพระ ภูหลักเส และยอดเขาสูงสุดคือ ยอดภูจอมศรี มีความสูงจากระดับน้ำทะเลประมาณ 170-420 เมตร สภาพป่าส่วนใหญ่เป็นป่าไม้เต็งรัง และป่าเบญจพรรณ และยังเป็นแหล่งกำเนิดของลำห้วยหลายสาย เช่น ห้วยตาเหลือก ห้วยสิงห์ ห้วยเรือ ห้วยมะเล ห้วยช้างชน เป็นต้น แถบบริเวณเชิงเขาเป็นป่าไผ่ขึ้นสลับเป็นแนว หลายบริเวณเป็นหน้าผาสูง และลานหินกว้าง มีหินรูปร่างแปลก ๆ มากมาย สถานที่ท่องเที่ยวน่าสนใจของอุทยานแห่งชาติภูผาเทิบ ได้แก่ กลุ่มหินเทิบ การเกิดกลุ่มหินเทิบจากอดีตจนถึงปัจจุบัน เป็นที่มาของประติมากรรมธรรมชาติที่ล้วนเกิดจากการกัดเซาะของฝน น้ำ ลมและแสงแดด ผ่านกาลเวลาม...
    อุทยานแห่งชาติภูผาเทิบ
    เป็นอุทยานแห่งชาติลำดับที่ 59 ของประเทศไทย มีเนื้อที่ 48.4 ตารางกิโลเมตร หรือ 30,245.67 ไร่ ครอบคลุมพื้นที่อำเภอเมืองมุกดาหารและอำเภอดอนตาล ลักษณะภูมิประเทศเป็นภูเขาหินทรายประกอบด้วยเทือกเขาน้อยใหญ่หลายลูกติดต่อกันแบบลูกคลื่นและเป็นส่วนปลายสุดของเทือกเขาภูพาน เทือกเขาเหล่านี้วางตัวในลักษณะแนวเหนือ-ใต้ขนานและห่างจากชายฝั่งแม่น้ำโขงประมาณ 4 กิโลเมตร ภายในอุทยานภูผาเทิบประกอบด้วยภูหมากยาง ภูมโน ภูโปร่ง ภูรัง ภูจอมนาง ภูหมากมี่ ภูผาเทิบ ภูนางหงส์ ภูถ้ำพระ ภูหลักเส และยอดเขาสูงสุดคือ ยอดภูจอมศรี มีความสูงจากระดับน้ำทะเลประมาณ 170-420 เมตร สภาพป่าส่วนใหญ่เป็นป่าไม้เต็งรัง และป่าเบญจพรรณ และยังเป็นแหล่งกำเนิดของลำห้วยหลายสาย เช่น ห้วยตาเหลือก ห้วยสิงห์ ห้วยเรือ ห้วยมะเล ห้วยช้างชน เป็นต้น แถบบริเวณเชิงเขาเป็นป่าไผ่ขึ้นสลับเป็นแนว หลายบริเวณเป็นหน้าผาสูง และลานหินกว้าง มีหินรูปร่างแปลก ๆ มากมาย สถานที่ท่องเที่ยวน่าสนใจของอุทยานแห่งชาติภูผาเทิบ ได้แก่ กลุ่มหินเทิบ การเกิดกลุ่มหินเทิบจากอดีตจนถึงปัจจุบัน เป็นที่มาของประติมากรรมธรรมชาติที่ล้วนเกิดจากการกัดเซาะของฝน น้ำ ลมและแสงแดด ผ่านกาลเวลาม...
  • ตลาดราตรี มุกดาหาร
    ตลาดราตรีมุกดาหาร ตั้งอยู่ที่ถนนสองนางสถิตย์ บริเวณหน้าศาลากลางจังหวัดมุกดาหาร เป็นตลาดที่มีสินค้าและบริการส่วนมากเป็นอาหารแทบทุกภาค มีทั้ง อาหารพื้นบ้านอีสาน อาหารเวียดนาม ผลไม้ตามฤดูกาล นอกจากนั้นก็จะเป็นเสื้อผ้า เครื่องแต่งกายและเครื่องประดับ ประมาณ 300 เจ้า เป็นตลาดกลางคืนที่ใหญ่ที่สุดของจังหวัดมุกดาหาร ปิดถนนขาย หัวตลาดจากสี่แยกถนนวิวิธสุรการ (สี่แยกป้อมตำรวจ) ถึงสี่แยกสำนักงานอุตุนิยมวิทยา และสามแยกหลังโรงพยาบาลมุกดาหาร
    ตลาดราตรี มุกดาหาร
    ตลาดราตรีมุกดาหาร ตั้งอยู่ที่ถนนสองนางสถิตย์ บริเวณหน้าศาลากลางจังหวัดมุกดาหาร เป็นตลาดที่มีสินค้าและบริการส่วนมากเป็นอาหารแทบทุกภาค มีทั้ง อาหารพื้นบ้านอีสาน อาหารเวียดนาม ผลไม้ตามฤดูกาล นอกจากนั้นก็จะเป็นเสื้อผ้า เครื่องแต่งกายและเครื่องประดับ ประมาณ 300 เจ้า เป็นตลาดกลางคืนที่ใหญ่ที่สุดของจังหวัดมุกดาหาร ปิดถนนขาย หัวตลาดจากสี่แยกถนนวิวิธสุรการ (สี่แยกป้อมตำรวจ) ถึงสี่แยกสำนักงานอุตุนิยมวิทยา และสามแยกหลังโรงพยาบาลมุกดาหาร
  • สะพานมิตรภาพไทย-ลาว (แห่งที่ 2)
    สะพาน มิตรภาพไทย-ลาว แห่งที่ 2 ตั้งอยู่ที่บ้านสงเปือย ตำบลบางไทรใหญ่ ห่างจากตัวจังหวัดไปทางทิศเหนือ 7 กิโลเมตร โดยข้ามไปลงที่ บ้านนาแก เมืองคันทะบูลี ซึ่งอยู่ห่างจากตัวแขวงสะหวันนะเขตไปทางทิศเหนือประมาณ 5 กิโลเมตร เปิดอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 20 ธันวาคม 2549 โดยรูปแบบสะพานเป็นสะพานคอนกรีต 2 ช่องจราจร ผิวจราจรกว้าง 8 เมตร ไหล่ทางข้างละ 1.5 เมตร ความยาวสะพานทั้งสิ้น 2,702 เมตร สะพานมิตรภาพฯ แห่งที่ 2 นี้ ถือเป็นส่วนหนึ่งของการพัฒนาเส้นทางขนส่ง เชื่อมโยงจากตะวันออกคือเมืองดานัง (เวียดนาม) ข้ามแม่น้ำโขงที่แขวงสะหวันนะเขต ต่อมายังมุกดาหาร และผ่านไปยังตะวันตกที่ชายแดนไทย-พม่า ที่อำเภอแม่สอด และเมืองเมียวดี และไปสิ้นสุดที่ เมืองมะละแหม่งของพม่า ในการเดินทางข้ามสะพานฯ จะต้องใช้บริการรถโดยสารประจำทางระหว่างประเทศเท่านั้น โดยค่าโดยสารท่านละ 45 บาท โดยฝั่งไทยจะไม่มีการเก็บค่าธรรมเนียมเหยียบแผ่นดิน ส่วน สปป.ลาว มีการจัดเก็บดังนี้ หนังสือเดินทาง (Passport) วันธรรมดา 20 บาท วันหยุด 40 บาท หนังสือผ่านแดน (Borderpass และ Temporary Borderpass) วันธรรมดา 50 บาท วันหยุด 100 บาท โดยมีจุดจอดรถโดยสา...
    สะพานมิตรภาพไทย-ลาว (แห่งที่ 2)
    สะพาน มิตรภาพไทย-ลาว แห่งที่ 2 ตั้งอยู่ที่บ้านสงเปือย ตำบลบางไทรใหญ่ ห่างจากตัวจังหวัดไปทางทิศเหนือ 7 กิโลเมตร โดยข้ามไปลงที่ บ้านนาแก เมืองคันทะบูลี ซึ่งอยู่ห่างจากตัวแขวงสะหวันนะเขตไปทางทิศเหนือประมาณ 5 กิโลเมตร เปิดอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 20 ธันวาคม 2549 โดยรูปแบบสะพานเป็นสะพานคอนกรีต 2 ช่องจราจร ผิวจราจรกว้าง 8 เมตร ไหล่ทางข้างละ 1.5 เมตร ความยาวสะพานทั้งสิ้น 2,702 เมตร สะพานมิตรภาพฯ แห่งที่ 2 นี้ ถือเป็นส่วนหนึ่งของการพัฒนาเส้นทางขนส่ง เชื่อมโยงจากตะวันออกคือเมืองดานัง (เวียดนาม) ข้ามแม่น้ำโขงที่แขวงสะหวันนะเขต ต่อมายังมุกดาหาร และผ่านไปยังตะวันตกที่ชายแดนไทย-พม่า ที่อำเภอแม่สอด และเมืองเมียวดี และไปสิ้นสุดที่ เมืองมะละแหม่งของพม่า ในการเดินทางข้ามสะพานฯ จะต้องใช้บริการรถโดยสารประจำทางระหว่างประเทศเท่านั้น โดยค่าโดยสารท่านละ 45 บาท โดยฝั่งไทยจะไม่มีการเก็บค่าธรรมเนียมเหยียบแผ่นดิน ส่วน สปป.ลาว มีการจัดเก็บดังนี้ หนังสือเดินทาง (Passport) วันธรรมดา 20 บาท วันหยุด 40 บาท หนังสือผ่านแดน (Borderpass และ Temporary Borderpass) วันธรรมดา 50 บาท วันหยุด 100 บาท โดยมีจุดจอดรถโดยสา...
  • โบสถ์คริสต์ (วัดสองคอนมรณสักขี)
    สักการสถานพระมารดาแห่งมรณสักขี วัดสองคอน ตั้งอยู่ที่ บ้านสองคอน ต.ป่งขาม อ.หว้านใหญ่ เป็นโบสถ์คริสต์นิกายโรมันคาทอลิก สร้างแบบสถาปัตยกรรมสมัยใหม่ ที่มีความสวยงามและใหญ่ที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เคยได้รับรางวัลสถาปัตยกรรมดีเด่น สมาคมสถาปนิกสยาม ในพระบรมราชูปถัมภ์ ปี 2539 มีหุ่นขี้ผึ้งของนักบุญราศีทั้งเจ็ด ที่อุทิศชีวิตในป่าศักดิ์สิทธิ์เพื่อพิสูจน์ศรัทธาที่มีต่อพระเจ้า ทุกๆปี ในวันที่ 22 ตุลาคม จะมีพิธีเฉลิมฉลองรำลึกถึงการสถาปนาแต่งตั้ง "บุญราศีมรณะสักขี" และในวันที่ 16 ธันวาคมของทุกปี จะมีพิธีรำลึกบุญราศีสองคอน โบสต์คริสต์วัดสองคอน สร้างขึ้นเพื่อเป็นอนุสรณ์สถานสักการะบุญราศีมรณสักขีทั้ง 7 ที่อุทิศชีวิตในป่าศักดิ์สิทธิ์เพื่อ พิสูจน์ศรัทธา ที่ มีต่อพระเจ้า เมื่อครั้งเกิดกรณีพิพาทระหว่างไทยกับฝรั่งเศสในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 เนื่องจากในระยะนั้นผู้คน แถบชายแดนจะศรัทธาและนับถือศาสนาคริสต์กันเป็นจำนวนมาก และบาทหลวงส่วนใหญ่เป็นชาวฝรั่งเศส ทำให้ชาวบ้านเข้าใจผิด คิดว่าศาสนาคริสต์เป็นศาสนาของฝรั่งเศส จึงมีคนกล่าวหากันว่าคนที่นับถือคริสต์ช่วงนั้นจะฝักใฝ่ฝรั่งเศส ทรยศต่อประเทศชาติ รวมทั้งมีเ...
    โบสถ์คริสต์ (วัดสองคอนมรณสักขี)
    สักการสถานพระมารดาแห่งมรณสักขี วัดสองคอน ตั้งอยู่ที่ บ้านสองคอน ต.ป่งขาม อ.หว้านใหญ่ เป็นโบสถ์คริสต์นิกายโรมันคาทอลิก สร้างแบบสถาปัตยกรรมสมัยใหม่ ที่มีความสวยงามและใหญ่ที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เคยได้รับรางวัลสถาปัตยกรรมดีเด่น สมาคมสถาปนิกสยาม ในพระบรมราชูปถัมภ์ ปี 2539 มีหุ่นขี้ผึ้งของนักบุญราศีทั้งเจ็ด ที่อุทิศชีวิตในป่าศักดิ์สิทธิ์เพื่อพิสูจน์ศรัทธาที่มีต่อพระเจ้า ทุกๆปี ในวันที่ 22 ตุลาคม จะมีพิธีเฉลิมฉลองรำลึกถึงการสถาปนาแต่งตั้ง "บุญราศีมรณะสักขี" และในวันที่ 16 ธันวาคมของทุกปี จะมีพิธีรำลึกบุญราศีสองคอน โบสต์คริสต์วัดสองคอน สร้างขึ้นเพื่อเป็นอนุสรณ์สถานสักการะบุญราศีมรณสักขีทั้ง 7 ที่อุทิศชีวิตในป่าศักดิ์สิทธิ์เพื่อ พิสูจน์ศรัทธา ที่ มีต่อพระเจ้า เมื่อครั้งเกิดกรณีพิพาทระหว่างไทยกับฝรั่งเศสในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 เนื่องจากในระยะนั้นผู้คน แถบชายแดนจะศรัทธาและนับถือศาสนาคริสต์กันเป็นจำนวนมาก และบาทหลวงส่วนใหญ่เป็นชาวฝรั่งเศส ทำให้ชาวบ้านเข้าใจผิด คิดว่าศาสนาคริสต์เป็นศาสนาของฝรั่งเศส จึงมีคนกล่าวหากันว่าคนที่นับถือคริสต์ช่วงนั้นจะฝักใฝ่ฝรั่งเศส ทรยศต่อประเทศชาติ รวมทั้งมีเ...
  • หอแก้วมุกดาหารเฉลิมพระเกียรติกาญจนาภิเษก
    หอแก้วมุกดาหาร เฉลิมพระเกียรติกาญจนาภิเษกเป็นอีกหนึ่งสถานที่ท่องเที่ยวที่เป็นเหมือนสัญลักษณ์ของจังหวัดมุกดาหาร สำหรับสถานที่ดังกล่าวมีลักษณะเป็นหอคอยรูปทรงกระบอก มีทั้งหมด 7 ชั้นตั้งโดดเด่นเป็นสัญลักษณ์ประจำเมืองก็ว่าได้ ก่อตั้งขึ้น เพื่อเป็นการเฉลิมพระเกียรติเนื่องในวโรกาส พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่ห้วทรงครองราชย์ครบ 50 ปี หอแก้วมุกดาหารมีลักษณะ เป็นหอคอยรูปทรงกระบอก มีความสูง 65.50 เมตร เส้นผ่าศูนย์กลางตัวแกนหอคอย 6 เมตร ส่วนฐานมีลักษณะเป็นอาคาร 2 ชั้น ทรงเก้าเหลี่ยม แทนความหมายถึงรัชกาลที่ 9 ประกอบด้วย - หอชมวิว จะอยู่ด้านล่างถัดจากยอดโดม เป็นพื้นที่รูปวงกลม ผนังโดยรอบเป็นกระจกใส ภายในติดเครื่องปรับอากาศ เป็นจุด ชมทิวทัศน์ซึ่งอยู่สูงจากพื้น 50 เมตรมองเห็นภูมิทัศน์ได้รอบตัวเมือง ทั้งยังเป็นจุดชมพระอาทิตย์ตกที่สวยงามมากอีกด้วย - แกนหอคอย สูง 29.6 เมตร มีบันไดทั้งสิ้น 321 ขั้น กว้างขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 6 เมตร จะมีช่องลิฟต์และบันไดเวียนสำหรับ อำนวยความสะดวกแก่ประชาชนในการขึ้นไปยัง หอชมวิว โดยมีชานพักเป็นช่วง ๆ - ส่วนฐาน หอแก้วมุกดาหาร มีลักษณะเป็นอาคาร 2...
    หอแก้วมุกดาหารเฉลิมพระเกียรติกาญจนาภิเษก
    หอแก้วมุกดาหาร เฉลิมพระเกียรติกาญจนาภิเษกเป็นอีกหนึ่งสถานที่ท่องเที่ยวที่เป็นเหมือนสัญลักษณ์ของจังหวัดมุกดาหาร สำหรับสถานที่ดังกล่าวมีลักษณะเป็นหอคอยรูปทรงกระบอก มีทั้งหมด 7 ชั้นตั้งโดดเด่นเป็นสัญลักษณ์ประจำเมืองก็ว่าได้ ก่อตั้งขึ้น เพื่อเป็นการเฉลิมพระเกียรติเนื่องในวโรกาส พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่ห้วทรงครองราชย์ครบ 50 ปี หอแก้วมุกดาหารมีลักษณะ เป็นหอคอยรูปทรงกระบอก มีความสูง 65.50 เมตร เส้นผ่าศูนย์กลางตัวแกนหอคอย 6 เมตร ส่วนฐานมีลักษณะเป็นอาคาร 2 ชั้น ทรงเก้าเหลี่ยม แทนความหมายถึงรัชกาลที่ 9 ประกอบด้วย - หอชมวิว จะอยู่ด้านล่างถัดจากยอดโดม เป็นพื้นที่รูปวงกลม ผนังโดยรอบเป็นกระจกใส ภายในติดเครื่องปรับอากาศ เป็นจุด ชมทิวทัศน์ซึ่งอยู่สูงจากพื้น 50 เมตรมองเห็นภูมิทัศน์ได้รอบตัวเมือง ทั้งยังเป็นจุดชมพระอาทิตย์ตกที่สวยงามมากอีกด้วย - แกนหอคอย สูง 29.6 เมตร มีบันไดทั้งสิ้น 321 ขั้น กว้างขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 6 เมตร จะมีช่องลิฟต์และบันไดเวียนสำหรับ อำนวยความสะดวกแก่ประชาชนในการขึ้นไปยัง หอชมวิว โดยมีชานพักเป็นช่วง ๆ - ส่วนฐาน หอแก้วมุกดาหาร มีลักษณะเป็นอาคาร 2...
  • วัดมโนภิรมย์
    วัดมโนภิรมย์ตั้งอยู่ที่ บ้านชะโนด ต.ชะโนด อ.หว้านใหญ่ จ.มุกดาหาร กรมศิลปะการระบุว่าวัดนี้สร้างขึ้นเมื่อวันอังคาร ขึ้น ๓ ค่ำ เดือน ๖ ปีมะเมีย ตรงกับ พ.ศ.๒๒๓๐ สร้างโดยท้าวคำสิงห์และญาติพี่น้องรวมทั้งบริวารที่อพยพมาจากฝั่งลาวพร้อมกับการตั้งบ้านชะโนด เดิมใช้ชื่อเดียวกับชื่อบ้านและชื่อห้วยซึ่งไหลลงสู่แม่น้ำโขงทางทิศตะวันออก แต่ภายหลังได้เปลี่ยนชื่อเป็นวัดมโนภิรมย์ สิ่งสำคัญภายในวัดคือ สิม ซึ่งได้ประกาศขึ้นทะเบียนเป็นโบราณสถาน เมื่อ พ.ศ.๒๕๒๕ และได้รับการบูรณะครั้งใหญ่เมื่อ พ.ศ.๒๕๔๓ ภายในประดิษฐานพระพุทธรูปปูนปั้นนาคปรกปางมารวิชัย รูปแบบอาคารเป็นศิลปะลาวแบบเวียงจันทน์ที่ผสมผสานศิลปะญวน
    วัดมโนภิรมย์
    วัดมโนภิรมย์ตั้งอยู่ที่ บ้านชะโนด ต.ชะโนด อ.หว้านใหญ่ จ.มุกดาหาร กรมศิลปะการระบุว่าวัดนี้สร้างขึ้นเมื่อวันอังคาร ขึ้น ๓ ค่ำ เดือน ๖ ปีมะเมีย ตรงกับ พ.ศ.๒๒๓๐ สร้างโดยท้าวคำสิงห์และญาติพี่น้องรวมทั้งบริวารที่อพยพมาจากฝั่งลาวพร้อมกับการตั้งบ้านชะโนด เดิมใช้ชื่อเดียวกับชื่อบ้านและชื่อห้วยซึ่งไหลลงสู่แม่น้ำโขงทางทิศตะวันออก แต่ภายหลังได้เปลี่ยนชื่อเป็นวัดมโนภิรมย์ สิ่งสำคัญภายในวัดคือ สิม ซึ่งได้ประกาศขึ้นทะเบียนเป็นโบราณสถาน เมื่อ พ.ศ.๒๕๒๕ และได้รับการบูรณะครั้งใหญ่เมื่อ พ.ศ.๒๕๔๓ ภายในประดิษฐานพระพุทธรูปปูนปั้นนาคปรกปางมารวิชัย รูปแบบอาคารเป็นศิลปะลาวแบบเวียงจันทน์ที่ผสมผสานศิลปะญวน
Other Routes...